ยาสูบชนิดใหม่ : บุหรี่ไฟฟ้า ประวัติความเป็นมา

บุหรี่ไฟฟ้าถูกพัฒนาขึ้นหลังจากการยอมรับทางสังคมต่อบุหรี่ธรรมดาเริ่มเสื่อมลง บริษัทบุหรี่พัฒนาบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อช่วยเสริมยอดขายบุหรี่ธรรมดา ไม่ใช่เพื่อทดแทนบุหรี่ธรรมดาตามที่อ้าง

          ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.1970 บริษัทบุหรี่เริ่มพัฒนาบุหรี่ชนิดใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มการยอมรับทางสังคมหลังจากที่มี หลักฐานทางการแพทย์ยืนยันการสูบบุหรี่ทำให้เกิดมะเร็งปอดและการได้รับควันบุหรี่มือสองเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งผลเสียของบุหรี่ต่อสุขภาพเหล่านี้ทำให้สังคมปฏิเสธการสูบบุหรี่เพิ่มมากขึ้นและส่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่อกำไรของบริษัทบุหรี่ “เราพบว่าปฏิสัมพันธ์ทางสังคมเป็นหนึ่งในประโยชน์พื้นฐานที่คนได้รับจากการสูบบุหรี่ คนสูบบุหรี่เพื่อทำให้ตนรู้สึกสบายใจเวลาอยู่กับผู้อื่น บุหรี่ถูกใช้ในสถานการณ์ที่ผู้สูบต้องการหาเพื่อนใหม่ ทำให้รู้สึกว่าตนเองเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว และทำให้ตนเองเป็นที่สนใจ ดังนั้นหากการยอมรับทางสังคมลดลง จะเป็นอันตรายอย่างร้ายแรงต่อประโยชน์พื้นฐานของการสูบบุหรี่” (บริษัทอาร์ เจ เรย์โนลด์ ค.ศ.1983)

          บุหรี่ไฟฟ้าก็เป็นผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งที่ถูกบริษัทบุหรี่พัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มการยอมรับทางสังคมของการสูบบุหรี่ “มีผลิตภัณฑ์อย่างน้อย 4 ชนิดที่จะสามารถรับมือกับข้อกังวลด้านสุขภาพ [จากการสูบบุหรี่] คือ

  1. ผลิตภัณฑ์ที่ให้รสชาติของบุหรี่จากความร้อนแทนที่การเผาไหม้
  2. บุหรี่แบบไม่มีทาร์
  3. รสชาติของบุหรี่ที่ส่งผ่านในรูปไอระเหย
  4. ผลิตภัณฑ์ลดระดับนิโคตินที่เทียบเคียงกับบุหรี่แบบธรรมดา……ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ให้รสชาติของบุหรี่ในรูปแบบไอระเหยถือว่ามีความสำคัญมาก” (บริษัทฟิลลิป มอร์ริส ค.ศ.1992)


ตัวอย่างบุหรี่ไฟฟ้าที่บริษัทบุหรี่พัฒนาในอดีต ได้แก่

  • ค.ศ.1960 บริษัทบริติช อเมริกัน โทแบคโค พัฒนาบุหรี่แอเรียล (Ariel)
  • ค.ศ.1980 บริษัทอาร์ เจ เรย์โนลด์ พัฒนาบุหรี่พรีเมียร์ (Premier)
  • ค.ศ.1990 บริษัทอาร์ เจ เรย์โนลด์ พัฒนาบุหรี่อีคลิพ (Eclipse)


ต้นแบบของบุหรี่ไฟฟ้าที่บริษัทฟิลลิป มอร์ริสพัฒนาขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990


          บริษัทฟิลลิป มอร์ริส พัฒนาบุหรี่แอคคอร์ด (Accord) และ นูมาร์ค (NuMark) แต่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่ค่อยได้รับความนิยมจากผู้สูบบุหรี่ในสมัยนั้น ด้วยหลายเหตุผล เช่น รสชาติไม่ดีไม่สามารถเทียบเคียงกับบุหรี่ธรรมดาได้  และความกังวลเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์แบบใหม่ที่อาจจะมีสารพิษสูงกว่า

          ต่อมาในปี ค.ศ.2003 เภสัชกรชาวจีนชื่อ ฮอน ลิค (Hon Lik) ประดิษฐ์และจดสิทธิบัตรบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งตัวเขาเองสูบบุหรี่อย่างหนักและบิดาของเขาเสียชีวิตจากมะเร็งปอดซึ่งเป็นผลจากการสูบบุหรี่ ฮอน ลิค ต้องการจะพัฒนาบุหรี่ไฟฟ้ามาเพื่อช่วยให้เขาเลิกสูบบุหรี่ธรรมดา (แต่ปรากฏว่าปัจจุบันเขายังสูบทั้งบุหรี่ธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้า หรือ dual user) บุหรี่ไฟฟ้าวางจำหน่ายในประเทศจีนในปีถัดมาภายใต้ชื่อ Ruyan และได้ขยายตลาดมาสู่อเมริกาและยุโรปตั้งแต่ปี ค.ศ.2006-2007 ในปี ค.ศ.2015 บริษัท Pax Labs ประเทศสหรัฐอเมริกา นำผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้ารูปแบบใหม่ JUUL ออกวางจำหน่าย โดย JUUL ทำการตลาดที่ดึงดูดวัยรุ่น ออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัย และเปลี่ยนโครงสร้างของสารนิโคตินที่ช่วยลดอาการระคายเคืองจากการสูบบุหรี่ เพิ่มรสชาติที่วัยรุ่นนิยม ทำให้สูบง่ายขึ้น ซึ่งการเข้ามาของ JUUL ทำบุหรี่ไฟฟ้าระบาดอย่างหนักในวัยรุ่นอเมริกา โดยในปี ค.ศ.2019 พบนักเรียนชั้นมัธยมอเมริกาสูบบุหรี่ไฟฟ้ากว่า 5 ล้านคน หรือคิดเป็นกว่า 1 ใน 4 ของนักเรียนมัธยมทั้งหมด บริษัท Altria (บริษัทแม่ของ ฟิลลิป มอร์ริสในสหรัฐอเมริกา) เข้าซื้อหุ้นของ JUUL ในปี ค.ศ.2018

บุหรี่ไฟฟ้า JUUL (ภาพจาก The New York Times)


รวบรวมโดย ดร.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

แหล่งข้อมูล

Philip Morris research on precursors to the modern e-cigarette since 1990:

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5432409/#R11

Tobacco industry consumer research on socially acceptable cigarettes:

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC1748101/

Hon Lik invented the e-cigarette to quit smoking – but now he's a dual user:

https://www.theguardian.com/society/2015/jun/09/hon-lik-e-cigarette-inventor-quit-smoking-dual-user

JUUL and Youth: Rising E-Cigarette Popularity:

https://www.tobaccofreekids.org/assets/factsheets/0394.pdf